บทที่ 3 เข้าใจผิดที่สนามบิน

อัญชนีถึงกับประหลาดใจ ถึงแม้ว่าลูกสาวของเธอก็มักจะซบอยู่ในอ้อมกอดของเธอเพื่ออ้อนแบบนี้บ่อยๆ แต่แอนน์มีไอคิวสูงมากและมีนิสัยรักอิสระ ที่ผ่านมามีแต่เธอที่แกล้งคนอื่น ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอถูกคนอื่นรังแก โดยเฉพาะการเรียกหม่ามี้ทั้งที่รู้สึกน้อยใจและต้องการพึ่งพิงแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

อัญชนีอดที่จะรู้สึกสงสารจับใจไม่ได้ กอดเธอไว้แน่นๆ แล้วปลอบว่า “หม่ามี้อยู่นี่แล้ว แอนน์ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไรแล้วนะ”

เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่แล้วเขาก็เบิกตากว้างอีกครั้ง มองน้องสาวอย่างไม่เชื่อสายตา

ต้องรู้ไว้ว่า น้องสาวของเขาเคยถูกลักพาตัวเมื่อสองปีก่อน ทำให้สภาพจิตใจบอบช้ำ ตั้งแต่นั้นมาเธอก็กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ยอมเข้าใกล้คนแปลกหน้าเลย แม้แต่ในตระกูลวิศวะ เธอก็ยอมให้แค่พ่อกับพี่ชายเข้าใกล้เท่านั้น แม้แต่คุณย่าเธอก็ไม่เข้าใกล้

ตอนนี้เธอกลับซบอยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงแปลกหน้าแล้วเรียกหม่ามี้เนี่ยนะ?

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?

ขณะที่เขากำลังสับสนอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของอัญชนีก็ดังขึ้น

เมื่อหน้าจอสว่างขึ้น เด็กชายก็เห็นรูปบนหน้าจอได้อย่างชัดเจน เป็นรูปของแม่กับลูกอีกสองคน คุณแม่ก็คือคุณป้าคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ส่วนเด็กชายกับเด็กหญิงอีกคน ก็หน้าตาเหมือนกับเขาและน้องสาวไม่มีผิด

เขาเบิกตากว้างอีกครั้ง นี่มันเรื่องอะไรกันอีกเนี่ย? หรือว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนอีกสองคน ที่หน้าตาเหมือนกับเขาและน้องสาวราวกับแกะ?

“นิค? นิค?” อัญชนีมองปฏิกิริยาของเขาแล้วขมวดคิ้ว “วันนี้ลูกเป็นอะไรไป?”

เธอไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้บนใบหน้าของลูกชายมาก่อน ปกตินิคเป็นคนที่ใจนิ่งมาก ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า

เด็กชายมองเธอด้วยสีหน้างุนงง

อัญชนีเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า วันนี้พวกเขาไม่ได้มีแค่พฤติกรรมที่ผิดปกติ แต่ยังเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกด้วย

เด็กชายสวมชุดสูทตัวเล็กที่ดูสุภาพเรียบร้อย ราวกับเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลสูงศักดิ์

ส่วนเด็กหญิงสวมชุดเจ้าหญิงสีชมพู

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเสื้อผ้าที่แอนน์ของเธอไม่เคยใส่มาก่อน แต่พอพวกเขาสวมชุดแบบนี้แล้ว ก็ดูทั้งหล่อและน่ารักจริงๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทางที่ดูน่ารักใสซื่อของเด็กชาย ไม่ได้มีท่าทีเย็นชาและสุขุมเหมือนปกติ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าน่ารักมากขึ้นไปอีก

ช่างเถอะ ยังไงซะตอนนี้พวกเขาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว

อัญชนีพูดอย่างจนใจว่า “ให้พวกแกไปรวมตัวกับแม่ทูนหัว พวกแกยังอุตส่าห์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก คิดว่าแม่ทูนหัวไม่เคยเห็นสภาพมอมแมมของพวกแกรึไง? เอาล่ะ เรารีบไปกันเถอะ อย่าให้แม่ทูนหัวของแกรอนาน พอกลับไปถึงแล้ว หม่ามี้ยังต้องตรวจร่างกายให้แอนน์อย่างละเอียดด้วย”

พูดจบ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า เห็นข้อความไลน์ที่ยูริส่งมา เธอจึงตอบกลับเป็นข้อความเสียง “ยูริ รอแป๊บนึงนะ ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เธอเก็บโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นยืน

เด็กหญิงรีบเดินตามเธอไปสองก้าว ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกอยากพึ่งพิง

อัญชนีไม่รู้ทำไม แค่รู้สึกว่าลูกสาวในแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกสงสารจับใจ จึงก้มลงไปหอมแก้มเล็กๆ ของเธอ ปลอบโยนอย่างใจเย็น “แอนน์ หม่ามี้ต้องไปเข็นกระเป๋าก่อน หนูจับมือพี่ชายแล้วเดินตามหม่ามี้ไปนะ เราไปหาแม่ทูนหัวกันก่อนนะ ดีไหม? ถ้ายังรู้สึกไม่สบายตรงไหน ต้องบอกหม่ามี้นะ รู้ไหม?”

“ค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย

อัญชนีวางมือเล็กๆ ของเธอลงบนมือของเด็กชาย ให้พวกเขาเดินตามเธอไป

ครั้งนี้เด็กชายไม่ได้ขัดขืน ดวงตาโตๆ ของเขากลิ้งไปมาอยู่ในเบ้าตา เขาตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยเลยตามเลย แล้วค่อยหาความจริงว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันคืออะไรกันแน่

ที่อยู่ไม่ไกลออกไป นิคและแอนน์ที่ตามมา มองภาพของแม่ลูกสามคนที่จูงมือกันเดินจากไป ทั้งสองคนถึงกับตกตะลึง

แอนน์: “นี่มันอะไรกันเนี่ย? เราสองคนถูกทิ้งแบบนี้เลยเหรอ?”

นิค: “ตอนนี้แกไม่ควรจะแปลกใจเรื่องที่มีคนหน้าตาเหมือนเราสองคนเปี๊ยบมากกว่าเหรอ?”

แอนน์: “นั่นสินะ หรือว่าเราสองคนถูกโคลนมาเหรอ?”

นิคยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย พูดเล่นตามน้ำไปกับเธอ “ก็อาจจะเป็นไปได้นะ ว่าเรามาอยู่ในโลกคู่ขนาน”

สองพี่น้องคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ดูเหมือนจะเป็นการพูดคุยที่ไร้สาระ แต่ความจริงแล้ว ในหัวของพวกเขากำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์โคลนหรือโลกคู่ขนาน ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ พวกเขารู้ดีว่าความจริงแล้วพวกเขาเป็นพี่น้องแฝดสี่

นิคมีน้องชายฝาแฝดร่วมไข่หนึ่งคน และแอนน์ก็มีพี่สาวฝาแฝดร่วมไข่หนึ่งคนเช่นกัน

เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ลูกคนที่สองและคนที่สามถึงได้หายไป

แอนน์: “พูดแบบนี้ก็หมายความว่า พี่น้องอีกสองคนของเรายังไม่ตายงั้นสิ?”

นิคพยักหน้า: “น่าจะมีคนเอาพี่น้องของเราไป”

แอนน์: “แล้วก็ใช้ประโยชน์จากพวกเขากลับไปอยู่ข้างกายพ่อเฮงซวยคนนั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายอะไรบางอย่าง?”

นิค: “ก็ไม่แน่ อาจจะเป็นพ่อเฮงซวยคนนั้นเองที่เป็นคนพาพวกเขาไป”

สองพี่น้องพูดกันคนละประโยคสองประโยค ก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวความจริงทั้งหมดได้

แอนน์กำหมัดเล็กๆ ของเธอแน่นด้วยความโกรธ: “น่าโมโหชะมัด! กล้าดียังไงมาพรากพี่น้องของเราไป ทำให้หม่ามี้ต้องเสียใจทุกวัน ถ้าฉันรู้ว่าเป็นฝีมือใครล่ะก็ ฉันจะสั่งสอนเขาให้สาสมเลย!”

นิคดึงมือของเธอไว้ “ไปกันเถอะ เรารีบไปรวมตัวกับหม่ามี้กัน”

แอนน์พยักหน้า

แต่ไม่คาดคิดว่า ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินไป ก็มีชายในชุดสูทหกคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา

พวกเขายืนเรียงกันเป็นแถวอย่างพร้อมเพรียง แล้วตะโกนเรียกอย่างนอบน้อมว่า “คุณชายน้อย คุณหนูน้อย”

จากนั้นทั้งหกคนก็แยกกันยืนเป็นสองแถว เปิดทางเดินตรงกลางไว้

สองพี่น้องเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน ก็เห็นภวัตกำลังก้าวเดินมาทางพวกเขา

เขาสวมชุดสูทสีดำขาวสุดคลาสสิก ใบหน้าเรียบเฉย ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายของความสูงส่งและเย็นชาออกมา

บอดี้การ์ดทั้งหกคนที่อยู่ตรงหน้าไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

แต่เจ้าตัวเล็กทั้งสองกลับไม่แสดงความประหม่าออกมาเลยแม้แต่น้อย ศีรษะเล็กๆ ทั้งสองขยับเข้าหากันตามความเคยชิน

แอนน์สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างในทันที แล้วพูดเสียงเบาว่า “เขาคือพ่อเฮงซวยในตำนานของพวกเราสินะ? หน้าตาก็เหมือนพี่อยู่นะเนี่ย!”

นิคไม่ได้พูดอะไร แต่จับจ้องไปที่เขาไม่วางตา ด้วยสีหน้าที่เย็นชาและห่างเหิน

เขาเคยเข้าไปในคลังข้อมูลของภวัต เคยเห็นรูปของเขา รู้ว่าภวัตหน้าตาเป็นอย่างไร และรู้ว่าเขาคือพ่อเฮงซวยของพวกเขา

เมื่อสบตากับเขา ภวัตก็ชะงักไปโดยไม่รู้ตัว

คุณชายน้อยของบ้านเขาไม่เคยเกรงกลัวฟ้าดิน เป็นเหมือนปีศาจตัวน้อยบนโลกมนุษย์ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะดูใจเย็นและสงบนิ่งได้ขนาดนี้

ขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้าไป ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินตามขึ้นมาจากด้านหลัง เขาคือ กอล์ฟ ผู้ช่วยพิเศษของภวัต

กอล์ฟพูดเสียงเบาว่า “ท่านประธานครับ หาคุณเฮเลนไม่เจอครับ เธอคงจะออกจากสนามบินไปแล้วครับ”

พลางเขาก็เหลือบมองสองพี่น้องนิคและแอนน์ ความหมายนั้นชัดเจนมาก หากไม่ใช่เพราะเจ้าตัวเล็กสองคนนี้จู่ๆ ก็หายตัวไป ประธานภวัตก็คงไม่ต้องสั่งให้คนส่วนใหญ่มาตามหาพวกเขา พวกเขาก็คงไม่ปล่อยให้คนคนนั้นหนีไปได้

แต่เจ้าตัวเล็กสองคนนี้คือแก้วตาดวงใจของตระกูลวิศวะ ต่อให้กอล์ฟจะรู้สึกหงุดหงิดในใจแค่ไหน ก็ไม่กล้าพูดออกมา

ภวัตไม่ได้ตำหนิเขา เพียงแค่พูดว่า “ไม่ต้องหาแล้ว ให้ทุกคนถอนกำลังกลับไปได้”

ถึงแม้ว่าบริษัทยังไลฟ์ของเขาจะตั้งใจที่จะร่วมมือกับคลาวด์ ดีไซน์ของเฮเลน แต่เป้าหมายหลักที่เขามาสนามบินในวันนี้กลับไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเพราะได้ยินมาว่าเฮเลนไม่ใช่แค่ดีไซเนอร์มือทองในวงการสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นแพทย์อัจฉริยะในวงการแพทย์อีกด้วย จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีโรคร้ายแรงที่ซับซ้อนโรคไหนที่เธอรักษาไม่หาย

ที่เขามาสนามบินด้วยตัวเองในวันนี้ ก็เพื่อที่จะเชิญเธอไปรักษาลูกสาวของเขาเป็นหลัก

นิคกับแอนน์ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ได้ยินเพียงบทสนทนาของพวกเขา ก็เลยคิดว่าเขาจะทำอะไรหม่ามี้ของตัวเอง

เมื่อเห็นว่าเขาเดินมาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว นิคก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ก้าวหนึ่ง บังน้องสาวไว้ข้างหลัง ส่วนตัวเองก็เงยหน้าขึ้นสบตากับภวัต น้ำเสียงยังคงความเยือกเย็นและเฉยชาเช่นเคย “ท่านประธาน ท่านจะทำอะไรครับ?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป